ในยุคหลังโควิด-19 ธุรกิจไมซ์ต้องใช้นวัตกรรมและกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงานอีกครั้งโดย Virtual Meeting หรือ Hybrid Event อาจกลายเป็นตัวเลือกใหม่ของงานไมซ์ที่ช่วยให้โลกออฟไลน์และออนไลน์มาบรรจบกันเป็นโจทย์ท้าทายของกลุ่มออแกไนซ์เซอร์ (Organizer) ที่จะสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้จับใจผู้เข้าร่วมงานมากที่สุด MICE Intelligence Team มีโอกาสสัมภาษณ์คุณมด ทรงพล ไตรเนตร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศจาก Index Creative Village ออแกไนซ์เซอร์ของไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมไมซ์มายาวนาน เราลองมาดูว่าทิศทางต่อไปของออแกไนซ์เซอร์ไทยจะเป็นอย่างไร?
ในยุคหลังโควิด-19 ธุรกิจในอุตสาหกรรมไมซ์จะสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในสุขภาพให้กับผู้เข้าร่วมงานได้อย่างไร?
เมื่อโอกาสในการจัดงานกลับมา ผู้จัดงานต้องพร้อมปรับตัวสู่ความปกติใหม่ (New Normal) การประชาสัมพันธ์งานต้องมาพร้อมกับแนวทางสร้างความมั่นใจ ทั้งก่อนจัดงานและภายในวันงาน เช่น ก่อนจัดงานมีการบริหารจัดการพื้นที่อย่างไร ผู้ที่เข้าติดตั้งจะต้องไม่มีความเสี่ยงติดเชื้อ วัสดุในการจัดงานต้องฉีดพ่นฆ่าเชื้อทุกอย่าง ภายในงานต้องมีระบบคัดกรองผู้เข้าร่วม ต้องจำกัดผู้เข้าชมแต่ละส่วนเพื่อรักษาระยะห่างให้เหมาะสม ผมว่าถ้าชี้แจงให้ชัดเจนผู้เข้าร่วมจะเริ่มมั่นใจ ตอนนี้บางห้างสรรพสินค้าก็เริ่มประกาศแนวทางการสร้างความมั่นใจแล้ว เมื่อก่อนเราจะเห็นว่ามีแต่ร้านระดับลักซ์ชูรี่ (Luxury) เท่านั้นที่จำกัดคนเข้า แต่หลังจากนี้ทุกร้านอาจต้องใช้กฎนี้ กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับลูกค้าที่ธุรกิจไมซ์ต้องปรับตามเช่นกัน
ข้อดีของการจัดงานแบบไฮบริดอีเวนท์ (Hybrid Event) คืออะไร รวมถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมไมซ์ในการปรับตัวทั้งฝั่งผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน?
การจัดงานแบบไฮบริดช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานประหยัดเวลาอย่างมาก ฝั่งของผู้จัดงานก็ลดต้นทุนได้หลายส่วนทั้งเรื่องสถานที่ อุปกรณ์การขนส่ง การเก็บบันทึก รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ ที่จะอยู่ในออนไลน์มากขึ้น แต่ความท้าทายคืองานบางประเภทยังคงต้องการความสัมพันธ์แบบพบปะกันอยู่ดิจิทัลยังทดแทนไม่ได้ ที่ผ่านมาเราเห็นหลายธุรกิจผลักดันให้งานบริการใช้ดิจิทัลมากขึ้นแต่พอเข้าสู่ช่วง Digital Disruption ได้ระยะหนึ่ง เทรนด์เรื่อง Human Connection ก็จะวนกลับมาอีก เพราะมนุษย์ยังต้องการการพบปะแบบ Face to Face อยู่เสมอ โดยเฉพาะคนไทยและคนเอเชียที่ให้ความสำคัญเรื่องบรรยากาศและความสัมพันธ์
เทคนิคสำคัญที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานแบบ Hybrid Event มี Engagement กับงานมากที่สุดคืออะไร?
ผมมองว่าในอนาคตจะมีการแบ่งประเภทงานออกเป็น Virtual Meeting แบบออนไลน์ 100% งานแบบ Hybrid และงานแบบพบปะกันตามปกติ แบ่งแยกกลุ่มลูกค้าชัดเจนสำหรับ Virtual Meeting ผมคาดว่าน่าจะมีรูปแบบหรือลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้าถึงอารมณ์และคอนเซปต์ (Concept) ของงาน อาจไม่ได้อรรถรสเหมือนงานแบบพบปะกันตามปกติ 100% แต่จะสะดวกสบายและดึงดูดมากขึ้น กลุ่มจัดแสดงสินค้าอาจมีการออกแบบโปรแกรม 3 มิติเพื่อเข้าชมงานแบบออนไลน์ มีระบบที่เก็บข้อมูลผู้ร่วมงานมาสร้างเป็น Avatar (ตัวละครในโลกออนไลน์) ของผู้เข้าร่วมเหมือนในเกมออนไลน์ ให้ผู้เข้าร่วมเลือกชมงานแบบเสมือนจริง (Augmented Reality) เจาะจงตามความเฉพาะตัวได้ วิธีแบบนี้ช่วยกระตุ้นความสนุก และผู้จัดงานเองก็สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อไปได้อีก
มีคำแนะนำใดบ้างสำหรับผู้ประกอบการไมซ์ในสถานการณ์โควิด-19 นี้ ? การพัฒนาหรือฟื้นฟูใดบ้างที่สามารถเริ่มทำได้ทันที?
ธุรกิจไมซ์ต้องติดตามข่าวสารจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตามสถานการณ์ของธุรกิจอื่น ๆ ฟังให้หลากหลายแล้วนำมาวิเคราะห์ นำศักยภาพธุรกิจของเรามาต่อจิ๊กซอว์กับความต้องการของลูกค้าที่จะเกิดในอนาคต ออแกไนซ์เซอร์ควรเริ่มออกแบบ โครงการเพื่อเสนอทางเลือกที่เหมาะกับลูกค้าที่สุด โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าติดต่อมาก่อน ตอนนี้หลายธุรกิจต้องเผชิญความท้าทายใครที่ได้สติก่อน ตั้งตัวก่อน ย่อม Inspire ธุรกิจอื่นได้ก่อน ในเรื่องการบริหาร ตอนนี้หลายธุรกิจเริ่มหลีกเลี่ยงการปลดพนักงาน แต่เปลี่ยนมาใช้แผนปรับโครงสร้างเงินเดือนแทน ถ้าสถานการณ์การเงินขององค์กรไม่รุนแรงนัก การรักษาทีมงานเอาไว้ย่อมดีกว่า เพราะเมื่อโอกาสกลับมาเราจะมีกำลังคนที่พร้อมส่งเสริมแผนการตลาดของเรา
มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพ และการออกแบบประสบการณ์ใน Hybrid Event คือกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้เข้าร่วมงานไมซ์ ธุรกิจไมซ์ควรใช้โอกาสนี้เริ่มออกแบบงานไมซ์หลังโควิด-19 ด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงสื่อสารกับลูกค้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องถึงทิศทางการจัดงานหลังจากนี้ เพื่อรักษาฐานลูกค้า และก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก
https://intelligence.businesseventsthailand.com/en/blog/organiser